การปลูกผมเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน ซึ่งเทคนิคการปลูกผมมีหลากหลายวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ
ปลูกผมเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน บทความนี้จะเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของปลูกผมเทคนิค FUE เทียบกับเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการปลูกผมที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ปลูกผมเทคนิค FUE เป็นการสกัดกลุ่มของหน่วยของเส้นผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะหรือด้านข้างซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นผมหนาแน่น แล้วนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ วิธีนี้มีข้อดีคือ ไม่ต้องผ่าตัดและเย็บแผล ทำให้แผลเล็กและหายเร็ว ระยะเวลาพักฟื้นสั้น สามารถตัดผมสั้นได้หลังทำ ไม่เห็นรอยแผลเป็น อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากปลูกที่ละ 1-4 เส้น จึงคล้ายผมจริงมากกว่าแบบหลายเส้นพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของปลูกผมเทคนิค FUE คือ ใช้เวลานานกว่าเทคนิคอื่น เพราะต้องเก็บและปลูกผมทีละเส้น ค่าใช้จ่ายสูงกว่า เหมาะสำหรับคนที่หัวล้านไม่มาก หากศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้างอาจต้องทำหลายครั้ง และอาจเกิดการกระจายของเส้นผมที่ด้านหลังศีรษะไม่สม่ำเสมอ
เมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคแบบเปิด (FUT) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแล้วตัดแถบผิวหนังที่มีผมออกมาเป็นแผ่น ก่อนแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วจึงปลูกลงบนหนังศีรษะ วิธี FUT มีข้อดีคือ สามารถย้ายปลูกผมได้จำนวนมากต่อครั้ง เหมาะกับคนที่มีศีรษะล้านเป็นวงกว้าง ใช้เวลาน้อยกว่า FUE และค่าใช้จ่ายต่ำกว่า แต่ข้อเสียคือ เกิดแผลเป็นทั้งบริเวณเก็บและปลูกผม ไม่เหมาะกับคนที่อยากไว้ผมสั้น และต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
นอกจาก FUE และ FUT แล้ว ยังมีเทคนิคอื่น ๆ เช่น DHI (Direct Hair Implantation), SHT (Single Hair Transplantation) และ Robotic Hair Transplant ซึ่งล้วนเป็นเทคนิคที่ดัดแปลงมาจาก FUE โดยมุ่งเน้นลดระยะเวลาในการทำและอาการบวมหลังทำ แต่ก็มีข้อจำกัดและราคาที่สูงขึ้นไปด้วย
สรุปแล้ว การเลือกเทคนิคปลูกผมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเฉพาะบุคคล ทั้งด้านงบประมาณ ระดับการหลุดร่วงของเส้นผม ความหนาของเส้นผมที่เหลืออยู่ รวมถึงระยะเวลาที่มี ซึ่งทุกเทคนิคมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อประเมินวิธีที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคน แต่หากมองภาพรวม ปลูกผมเทคนิค FUE ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทิ้งแผลเป็น และมีระยะเวลาพักฟื้นที่สั้นกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการความละเอียดสูง แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงและใช้เวลาในการทำที่นานกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่า โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการไว้ผมสั้นและต้องการลดระยะเวลาพักฟื้น