ประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย มีประโยชน์มากมายทั้งในด้านความคุ้มครองชีวิตและการลงทุน อย่างไรก็ดี ประกันชีวิตยังมีบทบาทมากไปกว่านั้น เพราะในปัจจุบัน รัฐบาลยังให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือกรมธรรม์ในการ
ใช้ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้ด้วย!
แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ มาดูกันก่อนว่าสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการใช้ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีมีอะไรบ้าง?
1. ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีมีหลายประเภทตามกฎเกณฑ์ของกรมสรรพากร ประกันชีวิตที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ประกันชีวิตแบบคุ้มครองชีวิต หมายถึง ประกันชีวิตที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองชีวิตผู้เอาประกัน โดยมีการจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายปีหรือรายเดือน และมีเงินก้อนจ่ายให้กับผู้รับผลประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ หมายถึง ประกันชีวิตที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสะสมเงินออมเพื่อใช้ในวัยเกษียณ โดยมีการจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายปีหรือรายเดือน และมีเงินก้อนที่จ่ายให้กับผู้เอาประกันเมื่อครบกำหนดสัญญา หรือเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต
2. เงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีกรมสรรพากรกำหนดเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีสำหรับประกันชีวิต ดังนี้
- ต้องเป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ต้องเป็นผู้จ่ายเบี้ยประกัน
- ต้องเป็นประกันชีวิตที่มีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- เบี้ยประกันต้องจ่ายตามจริง
3. วงเงินในการลดหย่อนภาษีวงเงินในการลดหย่อนภาษีสำหรับประกันชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- เบี้ยประกันชีวิตแบบคุ้มครองชีวิต สามารถนำเบี้ยประกันมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถนำเบี้ยประกันมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี
4. เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอลดหย่อนภาษีเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอลดหย่อนภาษีสำหรับประกันชีวิต ดังนี้
- แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (แบบ ภ.ง.ด.90 หรือแบบ ภ.ง.ด.91)
- สำเนาหน้าแรกของกรมธรรม์ประกันชีวิต
- หลักฐานการจ่ายเบี้ยประกัน
5. วิธียื่นขอลดหย่อนภาษีการยื่นขอลดหย่อนภาษีสำหรับประกันชีวิต สามารถยื่นได้ 2 วิธี ดังนี้
- ยื่นผ่านแบบกระดาษ ยื่นได้ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่
- ยื่นผ่านระบบ E-Tax ยื่นได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร
ทำไมควรใช้ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี?การใช้ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีมีข้อดีและประโยชน์สำหรับผู้เอาประกันหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น
- ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านภาษี ช่วยลดจำผนวนเงินที่ต้องเสียภาษี ทำให้ผู้เอาประกันมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
- สร้างหลักประกันให้กับครอบครัว ในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิต เงินประกันจะจ่ายให้กับผู้รับผลประโยชน์ ช่วยให้ครอบครัวสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้
- เป็นการออมเงินระยะยาว เบี้ยประกันสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ ทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ทั้งนี้ก็สามารถนำเงินที่เหลือตรงนี้ไปลงทุนต่อยอดเพื่อสร้างผลตอบแทนต่อได้
การใช้ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งการคุ้มครองและต้องการบริหารเรื่องการงานไปพร้อมกัน อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษี ก็แนะนำให้ศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัยให้ดีก่อน เพื่อให้ได้ประกันที่ตรงกับความต้องการและคุ้มค่าที่สุด