การจัดฟันมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับความต้องการ และความจำเป็นของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่าน ผู้ที่ต้องการจัดฟันจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงวิธีการดูแลรักษาระหว่างที่จัดฟัน
ประเภทการจัดฟัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. แบบเครื่องมือติดแน่น
2. แบบเครื่องมือถอดได้
ซึ่งในแต่ละประเภทนั้นก็จะมีชนิดของเครื่องมือให้เราสามารถเลือกได้เหมาะสมกับตามความต้องการ
จัดฟันโลหะ หรือ เหล็กจัดฟัน
เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือโลหะ 3M Unitek MBT Braces ต้วเหล็กจัดฟันมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก และการเลือกสียางที่ติดบนเครื่องมือจัดฟันก็ยังช่วยนำเสนอบุคลิกที่เป็นตัวตนของคุณ ทำให้คุณมีความสนุกกับการจัดฟันมากขึ้น การจัดฟันแบบนี้เป็นแบบมาตรฐานที่นิยมจัดกันทั่วไป
ผู้มารับบริการส่วนใหญ่จะเลือกการจัดฟันแบบนี้ พบทันตแพทย์จัดฟันทุกๆ 4-6 สัปดาห์ เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน และการจัดฟันแบบนี้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดฟันชนิดอื่นๆ
โดยมีข้อดีคือสามารถใช้ในการจัดฟันได้ในทุกรูปแบบ ในราคาที่ย่อมเยากว่าแบบอื่นๆ รวมไปถึงสีสันของยางที่มีให้เลือกใช้ได้หลากหลายอีกด้วย
จัดฟันเซรามิก
เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือเซรามิก 3M Clarity Braces เป็นเครื่องมือที่มองเห็นได้น้อยมาก ซึ่งลักษณะของเครื่องมือมีความคล้ายคลึงกับแบบโลหะ แต่ทำจากวัสดุเซรามิกสีเหมือนฟัน Ceramic Braces ใช้เครื่องมือแบบติดแน่น โดยตัวเครื่องมือทำมาจาก Ceramic ใส ซึ่งจะทำงานร่วมกับยางรัดและลวดเพื่อที่จะเคลื่อนฟันไปในตำแหน่งที่ต้องการ
การจัดฟันแบบนี้มีข้อดีคือเครื่องมือจะมีลักษณะโปร่งแสงซึ่งจะมองเห็นได้ยากกว่าเหมาะสำหรับผู้ทีไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นอย่างเด่นชัดว่าจัดฟันอยู่ แต่ก็ยังสามารถเห็นได้บ้างเนื่องจากเครื่องมือยังติดอยู่ที่ด้านนอกของฟันอยู่ ระยะเวลาการพบทันตแพทย์เหมือนการจัดฟันแบบโลหะ แต่การจัดฟันเซรามิก มีราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบเหล็กทั่วไป
จัดฟันดามอน Damon
จัดฟันด้วยเครื่องมือแบบ Damon หรือ จัดฟันแบบ 3M Clarity SL เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ไม่ต้องใส่ยางรัดฟัน ( Self-ligation Braces ) ทำให้การเคลื่อนฟันทำได้เร็วขึ้น และยังเป็นระบบจัดฟันที่ช่วยลดระยะเวลาในการรักษาให้น้อยลงกว่าเวลาที่ต้องใช้ในการจัดฟันแบบเหล็กปกติ ลดความเจ็บปวดในการรักษาได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากทันตแพทย์จัดฟันสามารถเคลื่อนฟันได้ง่ายกว่าแบบเหล็กทั่วไป ทันตแพทย์จึงใช้แรงในการเคลื่อนฟันน้อยกว่า ผู้ป่วยจึงรู้สึกเจ็บปวดฟันหลังการปรับเครื่องมือน้อยกว่าการจัดฟันแบบเหล็กธรรมดา
โดยจะแตกต่างจากเครื่องมือแบบธรรมดาคือ เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้สามารถเคลื่อนฟันได้โดยการทำงานร่วมกับลวดได้โดยตรง ไม่ต้องใช้ยางรัดฟัน ทำให้การเคลื่อนฟันสามารถทำได้อย่างนุ่มนวลมากขึ้น ความรู้สึกตึงและเจ็บเวลาเคลื่อนฟันน้อยลง การเคลื่อนฟันได้เร็วกว่าแบบธรรมดาซึ่งทำให้ใช้ระยะเวลาในการจัดฟันน้อยลงอีกด้วย
จัดฟันแบบใส invisalign
จัดฟันแบบใส invisalign เป็นการจัดฟันแบบที่ไม่ต้องติดเครื่องมือจัดฟันบนฟัน เครื่องมือจะเป็นแผ่นวัสดุใสๆ บางๆ เป็นชิ้นงานที่ทำจากแลปในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะจัดทำขึ้นโดยการแสกนฟันร่วมกับการเอกซเรย์โครงสร้างกระดูกและใบหน้า เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมร่วมกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยในการที่จะสร้างอุปกรณ์จัดฟันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกับคนไข้แต่ละคน
ซึ่งการจัดฟันแบบใสจะเป็นแบบถอด และใส่เองได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น ผู้มารับบริการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อยากจัดฟันแต่ไม่อยากติดเครื่องมือจัดฟัน การจัดฟันแบบใสมีราคาค่าใช้จ่ายในการจัดฟันสูงกว่าแบบเหล็ก 2-3 เท่า ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการซ้อนเกของฟัน
โดยจุดเด่นของ invisalign คือ การที่เครื่องมือมีลักษณะใสทำให้มองเห็นได้ยาก รวมถึงการที่สามารถถอดเครื่องมือได้ด้วยตนเองในกรณีที่จำเป็น เช่น เวลาทานอาหาร หรือตอนแปรงฟัน ทำให้ผู้ที่จัดฟันได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าการจัดฟันแบบอื่น
จัดฟันด้านใน Light Lingual
โดยใช้เครื่องมือติดแน่นโดยตำแหน่งของการติดเครื่องมือจะอยู่ที่ด้านในหรือด้านหลังของฟัน ซึ่งจะมีข้อดีคือจะไม่เห็นเครื่องมือจัดฟันเมื่อมองจากภายนอกช่องปาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันแต่ไม่อยากให้เห็นเครื่องมือจัดฟันเวลาพูดหรือยิ้ม
ข้อดีของการจัดฟัน
ฟันเรียงตัวสวยขึ้น มีรอยยิ้มที่สวยงาม
เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจ
เพิ่มประสิทธิภาพในการสบฟันที่ดีขึ้น และการเคี้ยวอาหารได้ดีกว่าเดิม
สุขภาพปากและฟันดีขึ้น การทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ฟันผุน้อยลง
ช่วยลดกลิ่นปาก ง่ายต่อการทำความสะอาดฟัน
การจัดฟันทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไป (ขึ้นอยู่กับบุคคล)
ข้อเสียของการจัดฟัน
รู้สึกไม่สบายปากในช่วงแรกที่จัดฟัน มีอาการตึง และเจ็บที่ฟันในระหว่างจัดฟัน เกิดจากการเคลื่อนของฟัน
ระหว่างที่จัดฟัน ทำความสะอาดฟันยากขึ้น อาจทำให้ฟันผุและมีกลิ่นปากได้
หลังจัดฟันเสร็จแล้ว จะต้องใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของคุณหมอจัดฟัน
การพูดหรือออกเสียงไม่ชัดเจน
เสียเวลา 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของแต่ละบุคคล และต้องพบทันตแพทย์บ่อย ยกเว้น การจัดฟันแบบใส invisalign
มีค่าใช้จ่ายสูง
ขั้นตอนการจัดฟัน
1. ผู้ต้องการจัดฟันมาพบหมอจัดฟัน เพื่อปรึกษา บอกเล่าปัญหาของการสบฟันให้หมอจัดฟันทราบ ตรวจสภาพสมดุลของใบหน้าและขากรรไกร ตรวจฟันและกระดูกรองรับฟัน ตรวจช่องปากโดยทั่วไป ตรวจฟันผุ และเนื้อเยื่ออื่นๆภายในช่องปาก
2. หมอจัดฟัน จะส่งผู้ที่ต้องการจัดฟันไปถ่ายเอ็กซเรย์ Panoramic film ซึ่งหมอจัดฟันจะมองเห็นความผิดปกติของกระดูกและฟันได้ทั้งหมด, ถ่ายเอ็กซเรย์ Cephalometric film เป็นการถ่ายเอ็กซเรย์ กระโหลกศรีษะด้านข้าง เพื่อดูความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบน และขากรรไกรล่าง และดูความยื่นของทั้งฟันบนและฟันล่าง
3. ทันตแพทย์จัดฟันจะวางแผนการรักษา จัดฟันให้ผู้มารับการจัดฟัน ซึ่งอาจมีทั้งประเภทที่ต้องถอนฟันบางส่วน หรือไม่ต้องถอนฟันเลย หรืออาจต้องจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของผู้มารับบริการจัดฟัน แล้วหมอจัดฟันและผู้มารับบริการจะเลือกแผนการรักษาการจัดฟันที่เหมาะสมกับผู้มารับบริการแต่ละราย
4. หมอจัดฟันและผู้จัดฟันจะเลือกเครื่องมือในการจัดฟัน เช่น จัดฟันเหล็ก จัดฟันเซรามิก จัดฟันดามอน จัดฟันด้านใน จัดฟันแบบใส invisalign เป็นต้น
5. หมอจัดฟัน จะติดเครื่องมือจัดฟันให้ผู้ที่ต้องการจัดฟัน แล้วนัดมาปรับเครื่องมือเป็นระยะๆตามชนิดของเครื่องมือจัดฟันแต่ละประเภท เช่น การจัดฟันแบบเหล็กและเซรามิก คุณหมอจัดฟันจะนัดผู้จัดฟันมาปรับเครื่องมือทุกๆ 4-6 สัปดาห์, จัดฟันแบบดามอน ผู้จัดฟันจะมาปรับเครื่องมือทุก 2-3 เดือนครั้ง และ นัดมาตรวจเช็ค aligner ในกรณีการจัดฟันแบบใสทุกๆ 3-6 เดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความผิดปกติของการสบฟันของผู้มารับบริการแต่ละประเภท
6. หลังจัดฟันเสร็จ ผู้จัดฟันต้องใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ รีเทนเนอร์ เป็นประจำตามคำแนะนำของหมอจัดฟัน ระยะเวลาการใส่รีเทนเนอร์ ขึ้นอยู่กับผู้มารับบริการแต่ละรายผู้รับการจัดฟันควรกลับมารับการตรวจเช็ค ประจำทุกๆปีหลังจัดฟันแล้วเสร็จ พร้อมนำรีเทนเนอร์ มาตรวจความสมบูรณ์ด้วย
จัดฟันในกรุงเทพฯ: จัดฟัน มีกี่ประเภท อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://globaldentalcomplex.com/th/service/braces/