บทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการสังเกตอาการของ
โรคไบโพล่าในคนรอบตัว เพื่อให้สามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำได้อย่างทันท่วงที หากพบว่ามีความเสี่ยง โรคไบโพล่าเป็นโรคทางจิตเวชที่มีผลต่ออารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของผู้ป่วย ทำให้เกิดภาวะอารมณ์สองขั้วสลับกันระหว่างขั้วต่ำ (ซึมเศร้า) และขั้วสูง (คึกคะนอง) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์ และการทำงาน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
วิธีสังเกตอาการของโรคไบโพล่าในคนใกล้ชิดมีดังนี้1.อารมณ์แปรปรวนผิดปกติ: สังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรวดเร็วและรุนแรงหรือไม่ เช่น จากอารมณ์ดีผิดปกติไปสู่ภาวะซึมเศร้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน อารมณ์อาจเปลี่ยนแปลงเป็นช่วงๆ หรืออยู่ในภาวะอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งเป็นเวลานาน
2.พฤติกรรมเสี่ยง: ระหว่างช่วงขั้วสูง ผู้ป่วยอาจมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือกล้าเสี่ยงมากผิดปกติ เช่น ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ขับรถประมาท ลงทุนแบบหุนหันพลันแล่น หรือใช้สารเสพติด
3.การนอนหลับ: อาจนอนหลับน้อยแต่ยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่า หรือในทางกลับกันอาจนอนมากผิดปกติ เนื่องจากโรคไบโพล่าส่งผลต่อวงจรการนอนหลับ
4.ความคิดแข่งและพูดเร็ว: สังเกตว่ามีความคิดที่แล่นเร็วอย่างผิดปกติจนตามไม่ทันหรือไม่ หรือพูดเร็วจนฟังแทบไม่ทัน มักพูดข้ามประเด็นไปเรื่อยๆ
5.ภาวะซึมเศร้า: อาจมีอาการท้อแท้ สิ้นหวัง รู้สึกไร้ค่า มีความคิดอยากตาย หรือแยกตัว ไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบ นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลง
6.อาการทางจิต: ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจมีอาการหลงผิด ประสาทหลอน หวาดระแวง ก้าวร้าว
7.ผลกระทบต่อการใช้ชีวิต: โรคไบโพล่าส่งผลต่อการเรียน การทำงาน ความสัมพันธ์ สังเกตว่ามีปัญหาด้านการทำหน้าที่ในชีวิตประจำวันหรือไม่
8.ประวัติครอบครัว: โรคไบโพล่ามีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม หากในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ ควรเฝ้าระวังสมาชิกคนอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วย
หากสังเกตเห็นอาการข้างต้นในคนรอบตัว ควรเข้าไปพูดคุยด้วยความเข้าใจและปราศจากการตัดสิน แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด อย่าลืมให้กำลังใจว่าโรคนี้รักษาได้และมียาที่ได้ผลดี ร่วมกับการปรับพฤติกรรมและจิตบำบัด ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
การเป็นกำลังใจและให้การสนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ป่วยโรคไบโพล่า การไม่ตัดสินและเข้าใจว่าอาการเหล่านี้เกิดจากความผิดปกติทางสมองที่สามารถรักษาได้ จะช่วยให้พวกเขาไม่รู้สึกอับอายและกล้าขอความช่วยเหลือ การให้ความรู้แก่คนในครอบครัวและคนใกล้ชิดจะช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นตัว ไม่ควรละเลยอาการที่น่ากังวลและควรพาไปพบจิตแพทย์ทันที โรคไบโพล่าเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาต่อเนื่องและคอยเฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำ ดังนั้นการมีคนใกล้ชิดคอยดูแลและให้กำลังใจจึงช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพจิตของตัวเองด้วย หากรู้สึกท้อหรือเครียด อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน
หัวข้อ: แนะนำวิธีสังเกตคนรอบตัวกับความเสี่ยงที่จะเป็น “โรคไบโพล่า” (อ่าน 153 ครั้ง)