ผู้เขียน หัวข้อ: 4 ประเภท รถยนต์ไฟฟ้าที่คุณควรรู้จักก่อนตัดสินใจซื้อ!  (อ่าน 354 ครั้ง)

siritidaphon

  • บุคคลทั่วไป
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังมาแรงมากกับ รถ EV หรือ รถยนต์ไฟฟ้า คือหนึ่งในนวัตกรรมยานยนต์ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน และอีกหนึ่งวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญเลยก็คือ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ รวมถึงลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในระดับโลก ซึ่งนับได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการคิดค้น พัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ได้รถยนต์ประเภท Zero Emission Vehicle หรือ ZEV คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากตัวรถยนต์เลย

เชื่อว่าอีกไปถึง 10 ปี รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายมาเป็นยานพาหนะหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงแค่กับธุรกิจยานยนต์เท่านั้น แต่ในหลายประเทศในแถบยุโรปเริ่มมีการเข้มงวดและจริงจัง เพื่อส่งเสริมให้พลเมืองหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ ประเทศนอร์เวย์ ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในยุโรป และทางรัฐบาลนอร์เวย์ยังตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี พ.ศ. 2568 รถยนต์ทุกคันที่ใช้ในประเทศจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

หรือแม้แต่ในประเทศอังกฤษเอง ที่ให้ประชาชนสามารถชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าได้จากเสาไฟฟ้าตามท้องถนนที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเป็นการกระตุ้นให้พลเมืองของเค้าหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นเรื่อย ๆ


รู้จัก รถยนต์ไฟฟ้า EV ทางเลือกใหม่ของการเดินทางสำหรับคนยุคใหม่

เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่คุ้นชินกับรถยนต์ไฟฟ้ากันสักเท่าไหร่ หรือหลายคนอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ารถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร บทความนี้ แพนด้า สตาร์ ออยล์ จะพาทุกคนมาพบกับคำตอบของทุกคำถามเพื่อคลายข้อสงสัยของคุณก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้า 100 % โดยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวจุดระเบิดของเครื่องยนต์ จึงส่งผลให้ไม่มีไอเสียหรือมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากถึง 3 เท่าหากเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามระบบการใช้งาน ดังนี้


1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด | Hybrid Electric Vehicle (HEV)

รูปแบบการทำงานของรถยนต์ประเภทนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแบตเตอรี่ โดยระบบของรถยนต์จะสลับการใช้งานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่อัตโนมัติ หรือในบางครั้งระบบอาจใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่ง เพื่อเสริมกำลังอัตราเร่งของรถยนต์

ในส่วนของตัวแบตเตอรี่ หลัก ๆ ระบบจะดึงพลังงานมาใช้ในช่วงที่รถออกตัวในระยะทาง 2 - 3 กิโลเมตรแรก จากนั้นจึงสลับกลับมาใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน และเมื่ออยู่ในช่วงระหว่างรถติดหรือหยุดนิ่ง หากมีแบตเตอรี่มากพอ ระบบจะดึงไฟฟ้าจากแบตเตอรีมาใช้งานกับอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ เช่น ไฟหน้ารถ แอร์รถยนต์ เครื่องเสียง โดยให้เครื่องยนต์หยุดทำงานชั่วขณะ  เพื่อลดการใช้น้ำมันและลดการปล่อยควันพิษ


2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด | Plug-in Hybrid (PHEV)

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทปลั๊ก-อิน ไฮบริดนี้ ระบบการทำงานจะมีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด คือ ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ เพียงแต่สามารถเสียบชาร์จไฟแบตเตอรี่ได้เองจากที่บ้านหรือสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้เมื่อแบตเตอรี่เต็ม 100% จะสามารถขับเคลื่อนได้ถึง 20 - 50 กิโลเมตรโดยประมาณ โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเลย และเมื่อแบตเตอรี่หมดลง ระบบจะสลับกลับมาใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเหมือนปกติดังเดิม

 
3. รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ | Battery Electric Vehicle (BEV)

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทที่ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนแบบ 100 % โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงใด ๆ มาเกี่ยวข้อง จึงมั่นใจได้ว่ารถไฟฟ้าประเภทนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากตัวรถเลยแม้แต่นิดเดียว

สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ในแต่ละครั้ง ใช้เวลาประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จปกติ หรือ 2 - 4 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จผ่านแทนชาร์จเร็ว หลังจากชาร์จไฟเต็ม 100% แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะสามารถวิ่งได้สูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับใครที่ชอบเที่ยวต่างจังหวัดแบบระยะทางไม่ไกลมาก รถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทนี้ถือว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุด ๆ


4. รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง | Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV)

โดยระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ จะเป็นการส่งโฮโดนเจนเหลวและอากาศที่มีออกซิเจนอยู่ เข้าสู่แผงเซลล์เชื้อเพลิงหรือที่เรียกว่า Fuel Cell Stack เพื่อแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ จากนั้นตัวมอเตอร์จะดึงเอากระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อนำไปใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป

จากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปัจจุบันเราจึงได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 แบบ ที่ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์การใช้งานของผู้บริโภคและคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในแบบที่ค่อยเป็นค่อยไป โดยมีให้เลือกทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 2 ระบบ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทำการคุ้นชินกับระบบของรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่มีการใช้เครื่องยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงเลย เพื่อเป็นการช่วยลดมลพิษที่เกิดจากไอเสียรถยนต์ได้แบบ 100 %

แต่สำหรับใครที่ยังคงใช้รถยนต์แบบเดิมหรือแบบที่ยังต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง 100% อยู่ละก็ อย่าเพิ่งน้อยใจไป คุณสามารถช่วยลดมลพิษได้ แม้จะไม่เทียบเท่ากับการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม เพียงคุณหมั่นนำรถไปตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่เป็นประจำ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีมีคุณภาพ เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดไอเสียหรือควันดำจากรถยนต์ได้แล้ว


4 ประเภท รถยนต์ไฟฟ้าที่คุณควรรู้จักก่อนตัดสินใจซื้อ! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC

 

ลงประกาศฟรี ติด google ลงโฆษณา ขายของ ฟรี โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ขายฟรี ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google